แคนตาลูปในกระถาง
ดิน
เนื่องจากปูนขาวอาจหาได้ยากสามารถใช้ปูนแดงกินหมากแทนได้โดยใช้ปูนแดงกินหมาก 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 ถัง รดให้ชุ่มดิน ปุ๋ยคอกใบไม้หรือเครื่องปลูกทุกชนิดต้องผ่านการตากแดดให้แห้งเสมอ
กระถาง
ที่ใช้อยู่หน้ากว้าง 10 นิ้ว หรือ 11 นิ้ว หรือ 12
นิ้ว สำหรับ 10 นิ้ว รู้สึกได้ว่าเล็กไปหน่อยแต่ก็ได้ผลใหญ่ใกล้เคียงกัน ก้นกระถางต้องหนุนด้วยเบี้ย 3 ตัว รูกระถางจะต้องระบายน้ำและอากาศได้ดี
การปลูก
นำเมล็ดพันธุ์ห่อผ้าชุ่มน้ำพักไว้ 3-4 วัน แก้ดูถ้าเห็นปลายแหลมของเมล็ดแตกและมีรากโผล่มา
ให้นำเมล็ดไปเรียงในกระถางดินที่เตรียมไว้ให้ห่างกัน 1 ถึง 2 นิ้ว แล้วโรยทับด้วยดินร่วนในกระถางต้องระบายน้ำได้ดี รดน้ำแล้วไม่อุ้มน้ำมาก
เมล็ดแตงถ้าฉ่ำน้ำจะเน่าเสียง่ายมาก พอต้นโผล่พ้นดินก็ให้น้ำได้เต็มที่
เมื่อต้นกล้ามีใบจริงใบแรกและเริ่มมีใบที่สอง ก็ย้ายลงกระถางได้เลย
ก่อนย้ายกล้าลงกระถางควรให้ต้นกล้าขาดน้ำ พอย้ายลงกระถางแล้ว ให้รดน้ำทันที ต้นกล้าจะดูดน้ำฟื้นตัวไม่เฉา
ถ้าต้นกล้าฉ่ำน้ำก่อนย้ายลงกระถางต้นกล้าจะอ่อนแอ
พอย้ายแล้วมักจะตาย การย้ายกล้าควรย้ายในตอนเย็น
ระหว่างเติบโต
หลังจากย้ายต้นกล้าลงกระถางได้
3-4 วัน ให้ปุ๋ยยูเรีย 1
ช้อนโต๊ะละลายน้ำ 1 ถัง
ให้รดตอนเช้าในขณะที่กระถางยังชื้นจากการรดน้ำตอนเย็น หลังจากมีใบจริง 4-5 ใบ แล้วให้ปุ๋ยยูเรียผสมปุ๋ยเร่งดอกผล โดยใช้ปุ๋ยส่วนผสมนี้ 1 ช้อนชาฝังขอบๆกระถาง 2 ข้าง พอติดผลเท่าผลมะนาวแล้วให้ใช้ปุ๋ยยูเรียและปุ๋ยเร่งดอกผลผสมกัน
1:1 จำนวนหนึ่งช้อนชาโรยขอบกระถาง
โรยอาหารกระต่ายอัดเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
แล้วโรยปิดบนด้วยดินผสมปุ๋ยคอกเนื่องจากดินในกระถางขาดแร่ธาตุหลายอย่าง
และไม่สามารถวิเคราห์ได้ ในอาหารกระต่ายมีส่วนผสมสารอาหารและแร่ธาตุหลายอย่าง
และเมื่อรับน้ำแล้วอาหารเม็ดจะฟูพองใหญ่ขึ้นเป็น 10 เท่า
เมื่อแยกทดลองดู 2 รอบแล้ว
ปรากฏว่าที่ใส่อาหารกระต่ายลูกจะโตกว่ามาก เนื้อหนาไส้ตันทุกลูก
ส่วนที่ไม่ใส่อาหารกระต่ายลูกจะเล็กและไส้จะกลวง
แต่เนื่องจากอาหารเม็ดนี้ยังไม่ผ่านการย่อยสลายจึงอาจเกิดราสีน้ำตาลที่ผิวดินบ้าง
แต่เพียงไม่กี่วันราก็จะสลายไปพร้อมกับผลแตงที่พองโตอย่างรวดเร็วพอผลแตงเริ่มแตกลายให้ใส่ปุ๋ย
อาหารกระต่ายและดินผสมปุ๋ยคอกอีกรอบในช่วงนี้ผลแตงจะขยายตัวขึ้นอีกระยะหนึ่ง
และน้ำหนักจะเพิ่มเนื้อจะหนาจนเหลือไส้เล็กๆ
การดูแลผล
เมื่อต้นมีใบ 5-6 ใบ ก็จะเริ่มมีดอกตัวผู้ ตามด้วยแขนงดอกตัวเมียออกมาตามซอกใบ
ให้ไว้ผลตัวเมียระหว่างข้อใบที่ 8-15 สัก 2-3 ผล (ข้อใบนับจากโคนต้นขึ้นมา) ส่วนแขนงอื่นให้ตัดทิ้งให้หมด
(ดอกตัวผู้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวด้วย) พอผลโตเท่าลูกมะนาวให้ตัดเหลือผลที่ลักษณะดี
ไม่บิดเบี้ยวไว้เพียงผลเดียว (ยกเว้นสายพันธุ์เล็กที่อาจเก็บไว้ได้ 2-3 ผล) ขณะที่ดอกตัวเมียบานและเริ่มติดผล
กระทั่งโตเท่าผลส้มในช่วงนี้ต้องคอยระวังอย่าให้ผลไปเบียด เสียดสีกับหลัก ต้น
หรือใบ เพราะบางพันธุ์ค่อนข้างจะถือตัว มันจะแป้ว เบี้ยว หรือผิวจะด่างเสียหายได้
เมื่อผลโตกว่าลูกมะนาวแล้ว ต้องใช้เชือกแขวนผลไว้กับค้าง
เพราะแต่ละวันมันจะโตและหนักเป็นเท่าตัว ต้นจะรับน้ำหนักผลไม่ไหว
ถ้าเป็นแคนตาลูปหลังติดผล 30-35 วัน ส่วนเมล่อน 45-55 วัน (ถ้าฝนตกมากเวลาสุกจะยืดออกไปมากเป็น 10-20
วัน) ได้เวลาลูกจะเปลี่ยนสีหรือขึ้นลายนูนชัดเจนขึ้น
ใบจะขรุขระแข็งและกรอบใบหรือขอบใบล่างๆจะแห้งบ้าง
จุกของผลจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองจางๆ
แคนตาลูปจะได้กลิ่นหอมขั้วจุกอาจปริและหลุดร่วงได้ ส่วนเมล่อนโดยมากจะเก็บกลิ่น
(ผ่าแล้วจึงได้กลิ่น) พอถึงระยะนี้แล้วอย่าเพิ่งเก็บผล มิฉะนั้นจะมีบางต้นที่ยังไม่เข้าที่
ให้รดด้วยปุ๋ยเร่งดอกผลหรือโปรแตสเซียมในอัตรา 2
ช้อนโต๊ะต่อถัง ต่อจากนั้นให้น้ำแค่ประคองไม่ให้ต้นเฉาหลังให้ปุ๋ยและลดน้ำ 6-7 วัน วันสุดท้ายไม่ต้องให้น้ำ ตกเย็นใบเฉาให้ตัดผลในตอนเย็น ผึ่งไว้ 3-7 วัน เนื้อจะฉ่ำ
ข้อควรระวัง
แตงไม่เหมือนผลไม้อย่าบ่ม
ปิด หรืออบในที่อุณหภูมิสูง อุณหภูมิ 4°-28°
แตงจะพัฒนาสุกได้ดี แต่ถ้าเก็บในที่ร้อน ไส้แตงจะบูดและเน่าเสียได้
เมื่อฉ่ำได้ที่แล้วสามารถเก็บรักษาในตู้เย็นชั้นล่างได้นาน
โดยเฉพาะถ้าห่อกระดาษเช่นกระดาษหนังสือพิมพ์ก็ได้ จะรักษาความชื้นและเก็บได้นาน
ห้ามใส่ถุงพลาสติก เพราะจะทำให้ชื้นแฉะและเน่าเร็ว
การให้น้ำ
ปลูกในกระถางน้ำจะแห้งเร็ว
ต้องให้น้ำด้วยฝักบัวเช้าเย็น ตอนเย็นใบจะตกเล็กน้อย
พอรดน้ำแล้วจะงามเข้าที่ควรรดน้ำตอนเย็นแค่ชื้นๆ แต่ตอนเช้าต้องให้ฉ่ำทั้งกระถาง
ถ้าให้น้ำขาดตอน เช่นตอนเช้าไม่ได้รด ตอนเย็นให้โรยน้ำที่ต้นและใบ
ส่วนโคนต้นแค่ชื้นเล็กน้อย ถ้าเห็นว่าแห้งมากแล้วไปให้น้ำเต็มที่จะทำให้ผลปริแตกและเสียไปเลยกระถางใดรดน้ำตอนเช้าพอตอนเย็นแห้งจนเหลือแค่ไอชื้นข้างใน
รากจะลงลึกถึงก้นกระถาง ใบจะหนาเขียวเข้ม ผลจะใหญ่สมบูรณ์
ในทางกลับกันกระถางใดรดน้ำตอนเช้าแล้ว ตอนเย็นในกระถางยังฉ่ำอยู่
แสดงว่าเครื่องปลูกไม่โปร่งพอ รากลงได้แค่ครึ่งกระถางใบจะซีดบาง ผลไม่โต
บางต้นรากส่งน้ำไม่พอก็เฉาตายทั้งๆที่ไม่ขาดน้ำ
เพิ่มเติม
ระยะที่แตงเริ่มติดผล
ให้ตัดใบล่างๆออก 4-5 ใบ ใบล่างๆนี้จะเกะกะ
เสียหายง่ายและเน่าโรยเร็ว ใบไม่มีขั้วใบให้หลุดได้ พอต้นแก่ใบล่างจะหักโรยเน่าได้ง่าย
ต้นแก่แผลเน่าจากก้านใบมีปัญหา
บางครั้งเน่าลามเข้าไปในต้นได้พอต้นสูงยาวจนอยู่ตัวแล้ว ให้ตัดยอดทิ้ง
โดยนับใบให้เหลือ 18-20 ใบ (ถ้าปลูกในโดม รับแสงน้อย
คายน้ำน้อย แนะนำให้เหลือ 22-25 ใบ)บางครั้งถ้าขาดดินสำรอง
ถ้าซื้อดินถุงมาต้องตากให้แห้งก่อนเติม เคยฝนตกมากดินพร่องไปมาก
ซื้อดินมาเติมทันที ปรากฏว่าหนึ่งอาทิตย์ให้หลัง จำนวนเกือบครึ่งที่เติมดิน
รากติดเชื้อ ต้นและใบเหลืองเฉา
ลูกที่ใกล้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวต้องทิ้งหมดช่วงที่ดอกตัวเมียเริ่มบาน
ถ้ามีผึ้งมาตอมมากจะผสมเกสรได้ดี แต่ถ้าไม่มีแมลงเลย ต้องนำดอกตัวผู้มาฉีกกระเปาะโคนกลีบดอกจะเห็นกลุ่มเกสรสีเหลือง
ให้นำดอกตัวผู้ละเลงที่เกสรตัวเมียขณะที่ดอกตัวเมียกำลังบาน
อาจมีนกกระจอกยกพวกมาจิกฉีกกลีบดอกออก แล้วจิกกินแค่ยอดเกสรตัวเมีย
ถ้ามันเริ่มมาแล้วจะมาทุกวันจนไม่มีดอกตัวเมียที่สมบูรณ์เหลืออยู่ และไม่สามารถมานั่งเฝ้าและไล่มันทั้งวันได้
ให้สังเกตในตอนเย็นว่าดอกตัวเมียใดกลีบดอกเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองแล้ว
วันรุ่งขึ้นดอกนั้นจะบาน ให้นำแผ่นถุงพลาสติกที่ตัดได้ขนาด 3 นิ้ว คูณ 3 นิ้ว
มาจับจีบแม็กล้อมดอกไว้ให้ปลายเป็นปากแตร พอตอนเช้าดอกบานและผสมเกสรแล้ว
ตอนเย็นหรือวันรุ่งขึ้นก็เอาที่ล้อมไว้ออกได้
ดอกบานข้ามวันมันจะไม่จิกกินยังมีการเพิ่มปุ๋ยน้ำชีวภาพจากเศษพืชผัก-ผลไม้
แต่ใช้น้อยมาก ผสมน้ำจางๆ 4-5 วัน รดครั้งหนึ่ง ทั้งหมดดังกล่าวคือขั้นตอนที่ทำได้ผลพอดีพอควร
เกิดจากการลองผิดลองถูกจนได้ข้อมูลดังกล่าวข้างต้น เนื่องจากไม่มีพื้นฐานทางการเกษตร
และอาจผิดหลักทางวิชาการ ควรต้องแก้ไขปรับปรุงอีกมาก ต้องขออภัยมา ณ
ที่นี้ด้วยจากสวนแตงท่าพระคำถามหรือคำแนะนำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น